การเลือกสายไฟสำหรับระบบโซลาร์เซลล์ไม่ใช่แค่เรื่องของการต่อสายให้พลังงานไหลผ่านได้เท่านั้น แต่ยังเป็นเรื่องของ “ความปลอดภัย” และ “ประสิทธิภาพ” ในการทำงานระยะยาว ซึ่งทั้งหมดนี้ล้วนเกี่ยวข้องกับ “มาตรฐานของสายไฟ” ที่ใช้โดยตรง
มาตรฐานสายไฟโซลาร์เซลล์ สิ่งสำคัญที่ห้ามมองข้าม
การเลือกซื้อสายไฟโซลาร์เซลล์จะต้องคำนึงถึงมาตรฐานที่รองรับเป็นสำคัญ เนื่องด้วยเหตุผลต่างๆ ดังนี้
- มีความปลอดภัย สายไฟโซลาร์เซลล์ที่ได้มาตรฐานจะมีฉนวนหุ้มที่ทนต่อรังสียูวี ความร้อน และสภาพแวดล้อมกลางแจ้ง ซึ่งมีผลช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดไฟรั่ว ไฟช็อต หรือไฟไหม้ หากละเลยในจุดนี้ ก็อาจนำไปสู่ความเสียหายต่อระบบโซลาร์เซลล์ ตลอดจนชีวิตและทรัพย์สินได้
- เป็นไปตามข้อกฎหมายและข้อบังคับ ประเทศไทยมีข้อกฎหมายควบคุมคุณสมบัติและคุณภาพของสายไฟโซลาร์เซลล์ที่ใช้ ซึ่งมาตรฐานสายไฟโซลาร์เซลล์ที่ดีก็จะช่วยสนับสนุนในจุดนี้ได้ในประเทศไทย การติดตั้งระบบโซลาร์เซลล์จำเป็นต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดของการไฟฟ้าและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง สายไฟที่มีมาตรฐาน เช่น มอก. IEC หรือ EN จะช่วยให้มั่นใจได้ว่าระบบของคุณผ่านการตรวจสอบและสามารถใช้งานได้อย่างถูกต้อง
- ส่งเสริมการทำงานของโซลาร์เซลล์ให้เต็มประสิทธิภาพ สายไฟคุณภาพดีจะมีค่าการนำไฟฟ้าต่ำ มีความทนทานต่ออุณหภูมิและแรงดันไฟฟ้าสูง ซึ่งจะช่วยลดการสูญเสียพลังงานและลดความร้อนสะสม จึงทำให้ระบบโซลาร์เซลล์สามารถทำงานได้ด้วยประสิทธิภาพสูงสุด
- คุ้มค่าในระยะยาว แม้สายไฟโซลาร์เซลล์ที่มีมาตรฐานอาจมีราคาสูงกว่าสายไฟทั่วไป แต่ในระยะยาวกลับช่วยลดต้นทุนในการบำรุงรักษา ซ่อมแซม และเปลี่ยนอะไหล่ อีกทั้งยังช่วยยืดอายุการใช้งานของอุปกรณ์ทั้งระบบอีกด้วย
มาตรฐานสายไฟโซลาร์เซลล์ที่ควรรู้
มาตรฐานที่เกี่ยวข้องกับสายไฟโซลาร์เซลล์ทั้งในระดับสากลและในไทยที่ควรรู้ก็จะมีทั้งหมด 4 มาตรฐาน ดังนี้
1. มาตรฐาน EN 50618:2014
มาตรฐาน EN 50618:2014 เป็นมาตรฐานสายไฟโซลาร์เซลล์ที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล มีที่มาจากทางยุโรป ถูกพัฒนาและเผยแพร่เมื่อปี 2014 โดย European Committee for Electrotechnical Standardization (CENELEC) โดยมีรายละเอียดโดยสรุปดังนี้
- ขอบเขต มาตรฐาน EN 50618:2014 เจาะจงกับสายไฟโซลาร์เซลล์แบบ Low Smoke Halogen-Free, Flexible, Single-Core ที่ใช้ฉนวนและปลอกหุ้มเป็นวัสดุประเภทสารประกอบ Cross-Linked (เช่น XLPE หรือ XLPO) โดยถูกออกแบบมาให้เหมาะสมสำหรับระบบไฟฟ้า DC ในงานติดตั้งกลางแจ้ง
- พิกัดแรงดันไฟฟ้า กำหนดให้ต้องมีค่า Nominal DC Voltage อยู่ที่ 1.5 kV ระหว่างตัวนำด้วยกัน และระหว่างตัวนำกับดิน และมีค่า Rated AC Voltage อยู่ที่ 1.0/1.0 kV
- พิกัดอุณหภูมิ กำหนดให้ต้องใช้งานต่อเนื่องได้สูงสุดที่ 90°C ในสภาวะปกติ และต้องใช้งานชั่วคราวได้สูงสุดที่ 120°C (ไม่เกิน 20,000 ชั่วโมงตลอดอายุการใช้งาน) เมื่ออุณหภูมิแวดล้อมไม่เกิน 90°C
- อายุการใช้งาน กำหนดให้ต้องมีอายุการใช้งานขั้นต่ำ 25 ปี ภายใต้สภาวะการใช้งานปกติ
- วัสดุตัวนำ กำหนดให้ต้องเป็นทองแดงเคลือบดีบุกแบบ Class 5 (มีความยืดหยุ่นสูง) ตามมาตรฐาน EN 60228
- วัสดุฉนวนและปลอกหุ้ม กำหนดให้ต้องใช้วัสดุประเภทสารประกอบ Cross-Linked และสามารถทนต่อแรงกระแทก ความร้อน ความเย็น และสารเคมีกรด-ด่างได้
- สีของปลอกหุ้ม กำหนดให้ใช้สีดำเป็นมาตรฐาน เว้นแต่ตกลงเป็นอย่างอื่น
- การระบุข้อมูลบนสาย กำหนดให้ปลอกหุ้มของสายไฟโซลาร์เซลล์ต้องระบุข้อมูลชื่อผู้ผลิตหรือเครื่องหมายการค้า (หรือเลขไอดี หากมีกฎหมายคุ้มครอง) รหัส H1Z2Z2-K และขนาดหน้าตัดของตัวนำไฟฟ้า เช่น 2.5 mm2 อย่างต่อเนื่อง โดยมีระยะห่างระหว่างข้อมูลเดียวกันไม่เกิน 550 mm และข้อมูลบนสายไฟเหล่านี้ต้องมีความคงทนตามมาตรฐาน EN 50396:2005
- การทดสอบ กำหนดให้ต้องผ่านการทดสอบต่างๆ ตามที่กำหนด เช่น การทดสอบแรงดันไฟฟ้า การทดสอบความบกพร่องและความต้านทานของฉนวน การทดสอบคุณสมบัติ Low Smoke Halogen-Free ของสายไฟ การทดสอบความทนทานต่อแรงกระแทก ความร้อน ความเย็น การโค้งงอ การยืดตัว การหดตัว ความชื้น น้ำ โอโซน รังสียูวี เปลวไฟ และสารเคมีกรด-ด่าง เป็นต้น
2. มาตรฐาน IEC 62930:2017
มาตรฐาน IEC 62930:2017 เป็นมาตรฐานระดับสากลสำหรับสายไฟโซลาร์เซลล์ ถูกพัฒนาและเผยแพร่เมื่อปี 2017 โดยองค์กรระดับสากล International Electrotechnical Commission (IEC) ถูกออกแบบมาสำหรับสายไฟที่ใช้ในระบบโซลาร์เซลล์แบบ DC ทั้งแบบ Halogen-Free และแบบมี Halogen ซึ่งเน้นความปลอดภัย ความทนทาน และการมีประสิทธิภาพสูงสุดในระยะยาว โดยมีรายละเอียดโดยสรุปดังนี้
- ขอบเขต มาตรฐาน IEC 62930:2017 เจาะจงกับสายไฟโซลาร์เซลล์แบบ Single-Core ที่ใช้ฉนวนและปลอกหุ้มเป็นสารประกอบ Cross-Linked (เช่น XLPE หรือ XLPO) เป็นสายไฟสำหรับระบบ DC ซึ่งรองรับการใช้งานในพื้นที่กลางแจ้ง โดยจะครอบคลุมทั้งสายไฟ Low Smoke Halogen-Free และที่มี Halogen
- พิกัดแรงดันไฟฟ้า กำหนดให้สามารถรองรับแรงดันไฟฟ้าสูงสุดสำหรับระบบ DC ได้ถึง 1.5 kV ระหว่างตัวนำด้วยกัน และระหว่างตัวนำกับดิน
- พิกัดอุณหภูมิ กำหนดให้อุณหภูมิตัวนำต้องใช้งานได้สูงสุดที่ 90°C ในสภาวะปกติ และต้องใช้งานชั่วคราวได้สูงสุดที่ 120°C (ไม่เกิน 20,000 ชั่วโมงตลอดอายุการใช้งาน)
- อายุการใช้งาน กำหนดให้ต้องมีอายุการใช้งานขั้นต่ำ 25 ปี ภายใต้สภาวะการใช้งานปกติ
- วัสดุตัวนำ กำหนดให้ต้องเป็นทองแดงเคลือบดีบุกตามมาตรฐาน IEC 60228 โดยให้ใช้แบบ Class 5 (มีความยืดหยุ่นสูง) กรณีที่ต้องต่อเข้ากับแผงโซลาร์เซลล์โดยตรง แต่สามารถใช้แบบ Class 2 ได้ (มีความยืดหยุ่นน้อยกว่า) กรณีที่เป็นการติดตั้งแบบถาวร
- วัสดุฉนวนและปลอกหุ้ม กำหนดให้ต้องใช้วัสดุประเภทสารประกอบ Cross-Linked และต้องทนต่อแรงกระแทก ความร้อน ความเย็น และสารเคมี
- สีของปลอกหุ้ม กำหนดให้ใช้สีดำเป็นมาตรฐาน เว้นแต่จะตกลงเป็นอย่างอื่น
- การระบุข้อมูลบนสาย การระบุข้อมูลบนสายไฟต้องมีข้อมูลต่อไปนี้ โดยต้องมีระยะห่างระหว่างข้อมูลแต่ละชุดไม่เกิน 550 mm และข้อความต้องมีความคงทนตามมาตรฐาน IEC 60245-2:1994
- ชื่อผู้ผลิตหรือเครื่องหมายการค้า
- รหัสมาตรฐาน เช่น 62930 IEC 131
- ขนาดหน้าตัดของตัวนำ เช่น 2.5 mm2
- ข้อความ HALOGEN FREE LOW SMOKE (หากเป็นสายแบบ Halogen-Free)
- การทดสอบ กำหนดให้ต้องผ่านการทดสอบต่างๆ ตามที่กำหนด เช่น การทดสอบความต้านทานของตัวนำ การทดสอบแรงดันไฟฟ้า การทดสอบการเจาะ การทดสอบความทนทานต่อแรงกระแทก โอโซน รังสียูวี การลามไฟ ความร้อน ความชื้น การยืดตัว การหดตัว เป็นต้น
3. มาตรฐาน มอก. 62930-2564
มาตรฐาน มอก. 62930-2564 เป็นมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมในไทยสำหรับสายไฟโซลาร์เซลล์ ถูกจัดทำและเผยแพร่ในปี 2021 โดยสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) เพื่อให้มั่นใจว่าสายไฟโซลาร์เซลล์ที่ได้รับการรับรองนั้นมีคุณภาพและมีความปลอดภัย โดยมีรายละเอียดโดยสรุปดังนี้
- ขอบเขต ครอบคลุมสายไฟฟ้าโซลาร์เซลล์ที่มีแรงดันไฟฟ้าที่กำหนดไม่เกิน 1.5 kV DC เน้นการใช้งานในระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์
- รายละเอียดมาตรฐาน อิงตามมาตรฐาน IEC 62930:2017
- การรับรองมาตรฐาน ผู้ผลิตหรือผู้นำเข้าจะต้องผ่านการตรวจสอบคุณภาพผ่าน 2 ขั้นตอนหลัก ได้แก่ การทดสอบผลิตภัณฑ์ตามข้อกำหนด และการประเมินระบบควบคุมคุณภาพของโรงงาน ซึ่งเมื่อผ่านเกณฑ์ก็จะได้รับใบอนุญาตแสดงการรับรองมาตรฐาน พร้อมระบุข้อมูลผลิตภัณฑ์ เช่น ชนิดสาย รหัส ประเภทตัวนำ และขนาดหน้าตัด
- การแสดงเครื่องหมายมาตรฐาน ให้แสดงเครื่องหมายมาตรฐานไว้ที่ผลิตภัณฑ์ (แสดงบนสิ่งบรรจุหีบห่อด้วยก็ได้) ให้มีขนาดเหมาะสมสัมพันธ์กับผลิตภัณฑ์ โดยไม่ควรน้อยกว่า 2 mm และให้แสดงข้อมูลผลิตภัณฑ์ในรูปแบบ QR Code ไว้บริเวณเดียวกับเครื่องหมายมาตรฐาน โดยมีขนาดไม่น้อยกว่า 10 mm หรือกรณีที่ไม่สามารถแสดง QR Code บนผลิตภัณฑ์ได้ ก็ให้แสดงบนบรรจุภัณฑ์แทน
4. มาตรฐาน วสท. 022013-22
มาตรฐาน วสท. 022013-22 เป็นมาตรฐานการติดตั้งระบบโซลาร์เซลล์บนหลังคา ซึ่งถูกจัดทำและเผยแพร่ในปี 2022 (ปรับปรุงจากฉบับเดิมซึ่งถูกเผยแพร่เมื่อปี 2016) โดยวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ (วสท.) โดยมีรายละเอียดโดยสรุปดังนี้
- ขอบเขต กล่าวถึงข้อกำหนดการติดตั้งและความปลอดภัยด้านไฟฟ้ากระแสตรงของระบบโซลาร์เซลล์บนหลังคา โดยรวมถึงการต่อเคเบิลของ PV Array PV String อุปกรณ์ป้องกันทางไฟฟ้า อุปกรณ์ตัดต่อ การต่อลงดิน อุปกรณ์เปลี่ยนรูปแบบของพลังงานสำหรับระบบกักเก็บพลังงานด้วยแบตเตอรี่ และอุปกรณ์แปลงไฟฟ้าเพื่อประจุและคายประจุไฟฟ้าสำหรับแบตเตอรี่ แต่ไม่รวมอุปกรณ์ด้านโหลด
- แรงดันไฟฟ้า กำหนดแรงดันไฟฟ้ากระแสตรงสูงสุดสำหรับ PV Array อยู่ที่ไม่เกิน 1 kV สำหรับอาคารที่พักอาศัย และไม่เกิน 1.5 kV สำหรับอาคารประเภทอื่นๆ
- การต่อวงจร PV Array กำหนดมาตรฐานการต่อวงจร PV Array ในรูปแบบต่างๆ รวมถึงมาตรฐานเกี่ยวกับประเด็นที่เกี่ยวข้อง
- ความปลอดภัย กำหนดให้ต้องมีการป้องกันไฟดูด ป้องกันกระแสเกิน ป้องกันความผิดพร่องลงดิน และป้องกันฟ้าผ่าและแรงดันเกินตามที่กำหนด และต้องติดตั้งระบบ Rapid Shutdown เพื่อความปลอดภัยในกรณีฉุกเฉิน
- การติดตั้งอุปกรณ์ไฟฟ้า อุปกรณ์และสายไฟต้องเป็นไปตามมาตรฐานที่เกี่ยวข้อง ต้องใช้อุปกรณ์ตัดวงจรและป้องกันกระแสเกินที่เหมาะสม ต้องมีอุปกรณ์ Rapid Shutdown สำหรับระบบบนหลังคา เพื่อลดแรงดันในกรณีฉุกเฉิน การเดินสายต้องลดพื้นที่วงรอบให้เล็กที่สุด เพื่อลดความเสี่ยงจากฟ้าผ่าและแรงดันเหนี่ยวนำ และการต่อลงดินของโครงสร้างและ PV array ต้องทำตามข้อกำหนดเพื่อความปลอดภัยและป้องกันฟ้าผ่า
- สายไฟโซลาร์เซลล์ กำหนดให้ต้องมีคุณสมบัติทนต่อรังสียูวีและความร้อนได้อย่างเหมาะสม มีความยืดหยุ่น และต้องไม่ลามไฟ โดยเคเบิลแรงต่ำในทุกระบบต้องเป็นไปตามข้อกำหนด EN 50618, PV2-F (อิงตาม TUV 2 PfG 1169), UL 4703, VDE-AR-E 2283-4 หรือ IEC 62930
- ระบบกักเก็บพลังงานแบตเตอรี่ (Battery Energy Storage System หรือ BESS) ต้องติดตั้งในพื้นที่ที่ปลอดภัย ห้ามติดตั้งในพื้นที่พักอาศัยโดยตรง ต้องมีระบบป้องกันกระแสเกิน/ไฟฟ้าลัดวงจร ต้องออกแบบระบบระบายอากาศที่เหมาะสม และห้ามใช้ BESS แทนวงจรช่วยชีวิต
- การทดสอบและบำรุงรักษา หลังติดตั้งต้องมีการทดสอบการทำงานตามขั้นตอนที่กำหนด และแนะนำให้บำรุงรักษาและตรวจสอบระบบอย่างสม่ำเสมอ เพื่อความปลอดภัยและอายุการใช้งานที่ยาวนาน
- การทำป้ายและเอกสาร ต้องมีการติดตั้งป้ายและสัญลักษณ์แสดงข้อมูลที่สำคัญ เช่น ตำแหน่งอุปกรณ์ตัดวงจร ข้อมูลแรงดัน-กระแส ข้อมูลสำหรับเจ้าหน้าที่กู้ภัย ฯลฯ และต้องจัดเตรียมเอกสารประกอบการติดตั้งและคู่มือการปฏิบัติงานให้ครบถ้วน
การทดสอบสายไฟตามมาตรฐาน EN 50525-2-21
แม้ว่ามาตรฐาน EN 50525-2-21 จะไม่ได้เป็นมาตรฐานหลักเฉพาะสำหรับสายไฟโซลาร์เซลล์ แต่ก็ถูกใช้อ้างอิงในหลายกรณี โดยเฉพาะในการทดสอบคุณสมบัติทางไฟฟ้าและทางกลของสายไฟ รวมถึงการทดสอบการกันน้ำ (Water Resistance) ซึ่งเกี่ยวข้องกับความปลอดภัยและความทนทานในการใช้งานจริง โดยเฉพาะ Annex D และ Annex E ที่กำหนดรายละเอียดของการทดสอบที่สำคัญ ได้แก่
EN50525-2-21 Annex D: Electrical Tests
- การทดสอบแรงดันไฟฟ้า ทดสอบแรงดันไฟฟ้า AC ที่ 1 kV ในสภาพแวดล้อมที่มีน้ำที่อุณหภูมิ 50°C เป็นเวลา 100 วัน
- ความต้านทานของฉนวน ความต้านทานของฉนวนต้องมีค่าไม่น้อยกว่า 1011 Ω·cm
- การดูดซับน้ำของฉนวน ฉนวนต้องมีการดูดซับน้ำไม่เกิน 40% หลังจากทดสอบในน้ำที่อุณหภูมิ 50°C เป็นเวลา 100 วัน
EN50525-2-21 Annex E: Mechanical Tests
- ความแข็งแรงของฉนวน ฉนวนต้องมีความแข็งแรงไม่น้อยกว่า 7 N/mm2 หลังจากทดสอบในน้ำที่อุณหภูมิ 50°C เป็นเวลา 100 วัน
- การยืดตัวของฉนวนเมื่อแตก ฉนวนต้องมีการยืดตัวไม่น้อยกว่า 200% หลังจากทดสอบในน้ำที่อุณหภูมิ 50°C เป็นเวลา 10 วัน
การทดสอบสายไฟตามมาตรฐาน EN 50525-2-21 ไม่เพียงแต่เน้นการทดสอบคุณสมบัติทางไฟฟ้า แต่ยังครอบคลุมการทดสอบที่เกี่ยวข้องกับการทนต่อสภาพแวดล้อมที่มีความชื้นและการสัมผัสน้ำ สายไฟที่ผ่านการทดสอบมาตรฐานนี้จะมีความทนทานต่อการใช้งานในพื้นที่กลางแจ้งหรือสถานที่ที่มีความชื้นสูงได้อย่างปลอดภัย ช่วยลดความเสี่ยงจากอุบัติเหตุไฟฟ้าและเพิ่มความมั่นใจในการใช้งานในระยะยาว
บทสรุป
มาตรฐานสายไฟโซลาร์เซลล์ ถือเป็นองค์ประกอบสำคัญที่ช่วยรับประกันว่าอุปกรณ์ที่ใช้ในระบบผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์นั้นมีความปลอดภัยและมีประสิทธิภาพสูงสุด โดยมาตรฐานสากลที่ได้รับการยอมรับอย่างแพร่หลายก็ได้แก่ EN 50618:2014 และ IEC 62930:2017
ในขณะที่ประเทศไทยก็ได้กำหนดมาตรฐานที่เกี่ยวข้องไว้เช่นกัน ได้แก่ มอก. 62930-2564 ซึ่งอ้างอิงตามมาตรฐาน IEC 62930:2017 เพื่อควบคุมคุณภาพของสายไฟโซลาร์เซลล์ที่จำหน่ายในประเทศ และ วสท. 022013-22 ซึ่งเป็นมาตรฐานที่ครอบคลุมการติดตั้งระบบโซลาร์เซลล์บนหลังคาโดยรวม ไม่ได้เจาะจงเฉพาะสายไฟเพียงอย่างเดียว แต่รวมถึงอุปกรณ์ ระบบป้องกัน และแนวทางการติดตั้งที่ปลอดภัยด้วย
การเลือกใช้สายไฟและอุปกรณ์ที่ผ่านมาตรฐานเหล่านี้ จะช่วยเสริมความน่าเชื่อถือของระบบ และยืดอายุการใช้งานของทั้งระบบโซลาร์เซลล์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ จึงถือเป็นสิ่งที่ควรให้ความสำคัญสำหรับทุกๆ โครงการ
GMS Solar ผู้จัดจำหน่ายสายไฟโซลาร์เซลล์ชั้นนำในไทย
GMS Solar เป็นผู้จัดจำหน่ายอุปกรณ์ด้านพลังงานสะอาดสำหรับงานโครงการ เช่น สายไฟโซลาร์เซลล์ ระบบกักเก็บพลังงานด้วยแบตเตอรี่ (BESS) ฯลฯ โดยเป็นบริษัทในเครือ GMS Interneer ซึ่งมีประวัติการดำเนินงานในอุตสาหกรรมพลังงานมากว่า 20 ปี
ที่ผ่านมา GMS Solar ได้จำหน่ายสายไฟโซลาร์เซลล์ภายใต้แบรนด์ ZTT Cable ไปแล้วกว่า 1 ล้านเมตร โดยสาเหตุที่ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีก็เนื่องด้วยจุดเด่นในด้านต่างๆ เช่น
- มีคุณภาพสูง เป็นสายไฟ Class 5 ชนิดกระแสตรง (DC) ที่ผลิตจากทองแดงเคลือบดีบุก ใช้วัสดุฉนวนและปลอกหุ้มเป็น XLPO และ XLPE ซึ่งสามารถทนความร้อนและแสงยูวีได้อย่างดีเยี่ยม ทำให้สามารถใช้ได้กับทั้งงานติดตั้งในร่มและกลางแจ้ง
- มีความทนทานสูง สามารถทนต่อแสงยูวีรวมถึงอุณหภูมิและสภาพอากาศที่รุนแรง ผ่านการทดสอบการต้านการลุกลามของไฟ การทนต่อโอโซน ตลอดจนการทนต่อสารเคมีที่มีฤทธิ์เป็นกรดหรือด่าง
- มีความทนต่อน้ำและความชื้น ผ่านการทดสอบ Water Resistance ตามมาตรฐาน 2PfG 2750/09.20 ทำให้สามารถใช้ได้ครอบคลุมโครงการหลากหลายรูปแบบ ทั้ง Solar Farm และ Solar Roof
- มีมาตรฐานรองรับ ผ่านการทดสอบและรับรองตามมาตรฐาน EN 50618:2014 และ IEC 62930:2017 ซึ่งเป็นมาตรฐานระดับสากลสำหรับสายไฟโซลาร์เซลล์ที่ได้รับการยอมรับอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน ทั้งยังมีรายงานผลการทดสอบในทุก Lot การผลิต จึงช่วยให้สามารถมั่นใจในคุณภาพได้อย่างเต็มที่
จุดเด่นเหล่านี้เมื่อผนวกกับทีมงานผู้เชี่ยวชาญ จึงเกิดเป็นโซลูชั่นด้านสายไฟโซลาร์เซลล์ที่มีคุณภาพสูง ครบถ้วนทั้งในส่วนของสินค้าและบริการ พร้อมที่จะส่งมอบให้กับทุกโครงการสำคัญของคุณ