สายไฟโซลาร์เซลล์ (เรียกอีกชื่อว่า PV Cable หรือ Solar Cable) ชนิด PV1-F และ H1Z2Z2-K แม้จะเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางทั้งคู่ แต่ก็มีความต่างในหลายส่วน ซึ่งผู้ที่เกี่ยวข้องก็ควรทำความใจอย่างถี่ถ้วน เพื่อให้สามารถเลือกใช้งานได้อย่างเหมาะสม
สาย PV1-F และ H1Z2Z2-K ต่างกันอย่างไร
สาย PV1-F และ H1Z2Z2-K แม้จะเป็นสายไฟโซลาร์เซลล์ชนิดกระแสตรง (Direct Current, DC) ที่มีคุณภาพ มีความทนต่อแสงยูวี ความร้อน และสภาพอากาศที่รุนแรง รวมถึงสามารถใช้ในพื้นที่กลางแจ้งได้เหมือนกัน แต่ก็มีจุดต่างที่สำคัญดังนี้
คุณสมบัติ | สาย PV1-F | สาย H1Z2Z2-K |
---|---|---|
มาตรฐานรับรอง | มาตรฐาน 2 PfG 1169/08.2007 (ถูกเลิกใช้ในปี 2017) | มาตรฐาน EN 50618:2014 |
แรงดันไฟฟ้า | Rated DC Voltage ไม่เกิน 1.8 kV ระหว่างตัวนำด้วยกันสำหรับระบบที่ไม่มีสายดิน และ Rated AC Voltage 0.6/1.0 kV | Nominal DC Voltage 1.5 kV ระหว่างตัวนำด้วยกันและตัวนำกับดิน และ Rated AC Voltage 1.0/1.0 kV |
ฉนวนและปลอกหุ้ม | ความหนาขั้นต่ำ 0.5 mm | ต้องใช้วัสดุเป็นสารประกอบ Cross-Linked ความหนาขั้นต่ำ 0.7 และ 0.8 mm สำหรับฉนวนและปลอกหุ้ม ตามลำดับ โดยค่าขั้นต่ำจะเพิ่มขึ้นตามขนาดหน้าตัดของตัวนำ |
อุณหภูมิเมื่อเกิดไฟฟ้าลัดวงจร | รองรับอุณหภูมิได้สูงสุด 200°C เป็นระยะเวลา 5 วินาที | รองรับอุณหภูมิได้สูงสุด 250°C เป็นระยะเวลา 5 วินาที |
การทดสอบ | มักใช้การทดสอบที่เก่ากว่าและเข้มงวดน้อยกว่า | มักใช้การทดสอบที่ทันสมัยกว่าและเข้มงวดมากกว่า |
ความปลอดภัย | มีความปลอดภัยต่ำกว่า | มีความปลอดภัยสูงกว่า |
ราคา | มักจะมีราคาถูกกว่า | มักจะมีราคาสูงกว่า |
การใช้งาน | ควรใช้เฉพาะกับโปรเจคที่เป็นโซลาร์เซลล์บนหลังคา (Solar Roof) ควรเลี่ยงไปใช้สาย H1Z2Z2-K แทน หากเป็นไปได้ | สามารถใช้ได้กับทั้งโซลาร์เซลล์บนหลังคา (Solar Roof) โรงไฟฟ้าโซลาร์เซลล์ (Solar Farm) และโซลาร์เซลล์ลอยน้ำ (Floating Solar) |
- มาตรฐาน สาย PV1-F จะอิงกับมาตรฐาน 2 PfG 1169/08.2007 ซึ่งถูกเลิกใช้ในปี 2017 ส่วนสาย H1Z2Z2-K จะอิงกับมาตรฐาน EN 50618:2014 ซึ่งเป็นมาตรฐานจากทางยุโรปที่ได้รับการยอมรับในระดับสากลและเป็นที่นิยมในปัจจุบัน
- แรงดันไฟฟ้า สาย PV1-F ตามมาตรฐานจะกำหนดค่า Rated DC Voltage อยู่ที่ไม่เกิน 1.8 kV ระหว่างตัวนำด้วยกันสำหรับระบบที่ไม่มีสายดิน และกำหนดค่า Rated AC Voltage อยู่ที่ 0.6/1.0 kV ส่วนสาย H1Z2Z2-K จะกำหนดค่า Nominal DC Voltage อยู่ที่ 1.5 kV ระหว่างตัวนำด้วยกันและตัวนำกับดิน และกำหนดค่า Rated AC Voltage อยู่ที่ 1.0/1.0 kV
- ฉนวนและปลอกหุ้ม สาย PV1-F ไม่ได้ระบุเจาะจงว่าฉนวนและปลอกหุ้มจะต้องใช้วัสดุเป็นสารประกอบ Cross-Linked และระบุความหนาขั้นต่ำอยู่ที่เพียง 0.5 mm สำหรับแต่ละชั้น ในขณะที่สาย H1Z2Z2-K จะระบุเจาะจงว่าต้องใช้วัสดุเป็นสารประกอบ Cross-Linked (เช่น XLPE หรือ XLPO ซึ่งมีข้อดีคือมีความทนทานและยืดหยุ่นสูง) และกำหนดความหนาขั้นต่ำของชั้นฉนวนและปลอกหุ้มตามขนาดพื้นที่หน้าตัดของตัวนำ (ความหนาขั้นต่ำของชั้นฉนวนและปลอกหุ้มสำหรับสาย H1Z2Z2-K จะอยู่ในช่วง 0.7-1.7 mm และ 0.8-1.7 mm ตามลำดับ โดยจะมากน้อยตามขนาดพื้นที่หน้าตัดของตัวนำ ซึ่งจะมีตั้งแต่ 1.5-240 mm2)
- อุณหภูมิเมื่อเกิดไฟฟ้าลัดวงจร สาย PV1-F ตามมาตรฐานแล้วจะกำหนดให้สามารถรองรับอุณหภูมิเมื่อเกิดไฟฟ้าลัดวงจรได้สูงถึง 200°C เป็นระยะเวลา 5 วินาที ในขณะที่สาย H1Z2Z2-K จะกำหนดให้รองรับได้มากกว่า ซึ่งก็คือสูงถึง 250°C เป็นระยะเวลา 5 วินาที
- การทดสอบ เมื่อเทียบกันแล้ว มาตรฐานของสาย H1Z2Z2-K มักใช้การทดสอบที่ทันสมัยและเข้มงวดกว่า เช่น Dynamic Penetration Test สำหรับสาย H1Z2Z2-K จะมีสูตรคำนวณที่เข้มงวดกว่า และเกณฑ์ Halogen-Free ของ H1Z2Z2-K จะอิงตามมาตรฐานการทดสอบ EN 50525-1 ซึ่งมีความทันสมัยกว่า ในขณะที่สาย PV1-F จะอิงตามวิธีทดสอบเก่า เป็นต้น
- ความปลอดภัย ด้วยเกณฑ์มาตรฐานที่ทันสมัยและเข้มงวดกว่า สาย H1Z2Z2-K ทั่วไปแล้วจึงมีความปลอดภัยสูงกว่าสาย PV1-F
- ราคา สาย PV1-F มักจะมีราคาที่ถูกกว่าสาย H1Z2Z2-K แต่ก็ต้องแลกกับข้อเสียต่างๆ เช่น อิงตามมาตรฐานที่ถูกเลิกใช้ไปแล้ว มีความปลอดภัยน้อยกว่า เป็นต้น
- การใช้งาน เนื่องจากสาย PV1-F จะอิงตามมาตรฐานเก่าซึ่งถูกเลิกใช้ไปแล้ว การเลือกสายไฟโซลาร์เซลล์สำหรับโปรเจคใหม่ จึงควรเลือกใช้สาย H1Z2Z2-K มากกว่า (หลายๆ ประเทศได้กำหนดให้ห้ามใช้สาย PV1-F สำหรับโปรเจคใหม่) แต่หากจะใช้สาย PV1-F สำหรับโปรเจคใหม่ ก็แนะนำให้ใช้เฉพาะกับโปรเจคที่เป็นโซลาร์เซลล์บนหลังคา (Solar Roof) ส่วนในกรณีของโรงไฟฟ้าโซลาร์เซลล์ (Solar Farm) และโซลาร์เซลล์ลอยน้ำ (Floating Solar) ก็ควรใช้สาย H1Z2Z2-K ที่มีความเหมาะสมแทน
รู้จักกับสาย PV1-F
สายไฟโซลาร์เซลล์ชนิด PV1-F จะมีรายละเอียดสำคัญต่างๆ ดังนี้
สาย PV1-F คืออะไร
สาย PV1-F คือสายไฟโซลาร์เซลล์ที่มีคุณสมบัติทนต่อแสงยูวี ความร้อน และสภาพอากาศต่างๆ จึงสามารถใช้ในพื้นที่กลางแจ้งได้ โดยจะถูกออกแบบและผลิตโดยอิงตามมาตรฐาน 2 PfG 1169/08.2007 ซึ่งเป็นมาตรฐานเก่าสำหรับสายไฟโซลาร์เซลล์ที่ถูกเลิกใช้ไปแล้ว
คุณสมบัติของสาย PV1-F
สาย PV1-F โดยทั่วไปจะมีคุณสมบัติต่างๆ ดังนี้
- ความทนทาน มีความทนทานต่อแสงยูวี สภาพอากาศกลางแจ้ง โอโซน ความร้อน ความเย็น และการลามไฟ สามารถใช้ในพื้นที่กลางแจ้งได้
- พิกัดแรงดันไฟฟ้า มีค่า Rated DC Voltage อยู่ที่ไม่เกิน 1.8 kV ระหว่างตัวนำด้วยกันสำหรับระบบที่ไม่มีสายดิน และมีค่า Rated AC Voltage อยู่ที่ 0.6/1.0 kV
- พิกัดอุณหภูมิ ทนต่ออุณหภูมิแวดล้อมได้ในช่วง -40 °C ถึง 90°C และทนต่ออุณหภูมิตัวนำชั่วคราวได้สูงสุดถึง 120 °C (รวมไม่เกิน 20,000 ชั่วโมงตลอดอายุการใช้งาน)
- อุณหภูมิเมื่อเกิดไฟฟ้าลัดวงจร รองรับอุณหภูมิเมื่อเกิดไฟฟ้าลัดวงจรได้สูงถึง 200°C เป็นระยะเวลา 5 วินาที
- วัสดุตัวนำ ใช้วัสดุเป็นทองแดงเคลือบดีบุก Class 5 (ยืดหยุ่นสูง) เป็นแบบ Single-Core
- วัสดุฉนวนและปลอกหุ้ม ใช้วัสดุที่มีคุณสมบัติ Halogen-Free มีความหนาขั้นต่ำสำหรับแต่ละชั้น 0.5 mm
- เครื่องหมายบนสาย บนสายมีการระบุชื่อผู้ผลิตหรือเครื่องหมายการค้า รหัส PV1-F และขนาดพื้นที่หน้าตัดของตัวนำอย่างต่อเนื่อง โดยมีระยะห่างระหว่างข้อมูลเดียวกันไม่เกิน 550 mm
- อายุการใช้งาน มีอายุการใช้งานขั้นต่ำ 25 ปี ภายใต้สภาวะการใช้งานปกติ
ทั้งนี้ สาย PV1-F ที่มาจากผู้ผลิตแต่ละรายก็อาจมีรายละเอียดบางส่วนที่ต่างกัน ทางที่ดีจึงควรศึกษาดู Datasheet อย่างถี่ถ้วน เพื่อให้สามารถเลือกใช้งานได้อย่างเหมาะสม
สาย PV1-F มีขนาดใดบ้าง
สาย PV1-F ทั่วไปแล้วจะมีขนาดตั้งแต่ 1.5 mm2 ถึง 150 mm2 (วัดจากพื้นที่หน้าตัดของลวดตัวนำไฟฟ้า) แต่ที่นิยมใช้มากสุดคือขนาด 4 mm2 และ 6 mm2 หรือที่นิยมเรียกกันว่าสาย PV1-F เบอร์ 4 และเบอร์ 6 ตามลำดับ ทั้งนี้ ในการเลือกขนาดของสาย PV1-F ก็จะต้องพิจารณาถึงปัจจัยต่างๆ ให้เหมาะสม เช่น ปริมาณกระแสไฟฟ้าที่รองรับ แรงดันไฟฟ้า ความยาวที่ใช้ เป็นต้น
การใช้งานสาย PV1-F
สาย PV1-F ทั่วไปแล้วจะใช้กับโซลาร์เซลล์บนหลังคา อย่างไรก็ตาม เนื่องจากสาย PV1-F จะอิงกับมาตรฐาน 2 PfG 1169/08.2007 ซึ่งเป็นมาตรฐานเก่าที่ถูกเลิกใช้ไปแล้ว โปรเจคใหม่ในปัจจุบันจึงนิยมใช้สาย H1Z2Z2-K มากกว่า
รู้จักกับสาย H1Z2Z2-K
ส่วนสายไฟโซลาร์เซลล์ชนิด H1Z2Z2-K ก็จะมีรายละเอียดสำคัญต่างๆ ดังนี้
สาย H1Z2Z2-K คืออะไร
สาย H1Z2Z2-K คือสายไฟโซลาร์เซลล์ที่อิงตามมาตรฐาน EN 50618:2014 ซึ่งเป็นมาตรฐานสายโซลาร์เซลล์จากทางยุโรปที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล โดยจะมีความทนทานและยืดหยุ่นสูง สามารถทนต่อแสงยูวี ความร้อน และสภาพอากาศต่างๆ จึงสามารถติดตั้งในพื้นที่กลางแจ้งได้
อ่านเพิ่มเติม : มาตรฐานสายไฟโซลาร์เซลล์ที่ควรรู้ (EN 50618, IEC 62930, มอก., วสท., EN 50525-2-21 Annex D-E)
คุณสมบัติของสาย H1Z2Z2-K
สาย H1Z2Z2-K โดยทั่วไปจะมีคุณสมบัติต่างๆ ดังนี้
- ความทนทาน มีความทนทานต่อแสงยูวี สภาพอากาศกลางแจ้ง โอโซน ความร้อน ความเย็น และการลามไฟ สามารถใช้ในพื้นที่กลางแจ้งได้
- พิกัดแรงดันไฟฟ้า มีค่า Nominal DC Voltage อยู่ที่ 1.5 kV ระหว่างตัวนำด้วยกัน และระหว่างตัวนำกับดิน และมีค่า Rated AC Voltage อยู่ที่ 1.0/1.0 kV
- พิกัดอุณหภูมิ ทนต่ออุณหภูมิแวดล้อมได้ในช่วง -40 °C ถึง 90°C สามารถรองรับอุณหภูมิตัวนำได้สูงสุดที่ 90°C ในสภาวะปกติ และรองรับชั่วคราวได้สูงสุดที่ 120°C (ไม่เกิน 20,000 ชั่วโมงตลอดอายุการใช้งาน) หากอุณหภูมิแวดล้อมไม่เกิน 90°C
- อุณหภูมิเมื่อเกิดไฟฟ้าลัดวงจร รองรับอุณหภูมิเมื่อเกิดไฟฟ้าลัดวงจรได้สูงถึง 250°C เป็นระยะเวลา 5 วินาที ซึ่งสูงกว่าสาย PV1-F
- วัสดุตัวนำ ใช้วัสดุเป็นทองแดงเคลือบดีบุก Class 5 (ยืดหยุ่นสูง) เป็นแบบ Single-Core โดยอิงตามมาตรฐาน EN 60228
- วัสดุฉนวนและปลอกหุ้ม ใช้วัสดุเป็นสารประกอบ Cross-Linked ซึ่งมีความทนทานและยืดหยุ่นสูง มีคุณสมบัติ Halogen-Free มีความหนาขั้นต่ำสำหรับชั้นฉนวนและปลอกหุ้ม 0.7 mm และ 0.8 mm ตามลำดับ โดยค่าขั้นต่ำนี้จะเพิ่มขึ้นตามขนาดพื้นที่หน้าตัดของตัวนำ
- เครื่องหมายบนสาย บนสายมีการระบุชื่อผู้ผลิตหรือเครื่องหมายการค้า รหัส H1Z2Z2-K และขนาดพื้นที่หน้าตัดของตัวนำอย่างต่อเนื่อง โดยมีระยะห่างระหว่างข้อมูลเดียวกันไม่เกิน 550 mm
- อายุการใช้งาน มีอายุการใช้งานขั้นต่ำ 25 ปี ภายใต้สภาวะการใช้งานปกติ
ทั้งนี้ สาย H1Z2Z2-K ที่มาจากผู้ผลิตแต่ละรายก็อาจมีรายละเอียดบางส่วนที่ต่างกัน ทางที่ดีจึงควรศึกษาดู Datasheet อย่างถี่ถ้วน เพื่อให้สามารถเลือกใช้งานได้อย่างเหมาะสม
สาย H1Z2Z2-K มีขนาดใดบ้าง
ทั่วไปแล้ว สาย H1Z2Z2-K จะมีขนาดตั้งแต่ 1.5 mm2 ถึง 240 mm2 (วัดจากพื้นที่หน้าตัดของลวดตัวนำไฟฟ้า) แต่ที่นิยมใช้มากสุดก็ได้แก่ขนาด 4 mm2 และ 6 mm2 หรือที่นิยมเรียกกันว่าสาย H1Z2Z2-K เบอร์ 4 และเบอร์ 6 ตามลำดับ ทั้งนี้ การเลือกขนาดของสาย H1Z2Z2-K ก็จะต้องพิจารณาถึงปัจจัยต่างๆ ให้เหมาะสม อาทิ ปริมาณกระแสไฟฟ้าที่รองรับ แรงดันไฟฟ้า ความยาวที่ใช้ เป็นต้น
อ่านเพิ่มเติม : สาย PV เบอร์ 4 และ 6 ต่างกันอย่างไร ควรใช้เบอร์อะไร
การใช้งานสาย H1Z2Z2-K
สาย H1Z2Z2-K สามารถใช้กับงานติดตั้งโซลาร์เซลล์ได้ครอบคลุมหลายรูปแบบ เช่น โซลาร์เซลล์บนหลังคา โรงไฟฟ้าโซลาร์เซลล์ โซลาร์เซลล์ลอยน้ำ เป็นต้น เนื่องจากมีความปลอดภัยสูง และอิงตามมาตรฐานที่ได้รับการยอมรับในปัจจุบัน
บทสรุป
สาย H1Z2Z2-K คือสายไฟโซลาร์เซลล์ที่อิงตามมาตรฐาน EN 50618:2014 ซึ่งเป็นมาตรฐานของสายโซลาร์เซลล์จากทางยุโรปที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล ส่วนสาย PV1-F คือสายไฟโซลาร์เซลล์ที่อิงตามมาตรฐาน 2 PfG 1169/08.2007 ซึ่งเป็นมาตรฐานเก่าที่ถูกเลิกใช้ไปแล้ว
เมื่อเทียบกันแล้ว สาย H1Z2Z2-K จะมีความปลอดภัยสูงกว่า และได้รับการยอมรับมากกว่า เนื่องด้วยมาตรฐานที่ใช้มีความทันสมัยและเข้มงวดมากกว่า จากข้อได้เปรียบนี้ สาย H1Z2Z2-K จึงเป็นที่นิยมสำหรับโปรเจคใหม่ โดยสามารถใช้กับโซลาร์เซลล์ได้ครอบคลุมหลากหลายรูปแบบ ตั้งแต่โซลาร์เซลล์บนหลังคา (Solar Roof) โรงไฟฟ้าโซลาร์เซลล์ (Solar Farm) ตลอดจนโซลาร์เซลล์ลอยน้ำ (Floating Solar) ในขณะที่สาย PV1-F ทั่วไปแล้วจะใช้กับโซลาร์เซลล์บนหลังคาเท่านั้น
GMS Solar ผู้จัดจำหน่ายสายไฟโซลาร์เซลล์ H1Z2Z2-K สำหรับงานโครงการ
GMS Solar เป็นผู้จัดจำหน่ายอุปกรณ์ด้านพลังงานสะอาดสำหรับงานโครงการ เช่น สายไฟโซลาร์เซลล์ (สาย H1Z2Z2-K) ระบบกักเก็บพลังงานด้วยแบตเตอรี่ (BESS) ฯลฯ โดยเป็นบริษัทในเครือ GMS Interneer ซึ่งมีประวัติการดำเนินงานในอุตสาหกรรมพลังงานมากว่า 20 ปี
ที่ผ่านมา GMS Solar ได้จำหน่ายสายไฟโซลาร์เซลล์ชนิด H1Z2Z2-K ภายใต้แบรนด์ ZTT Cable ไปแล้วกว่า 1 ล้านเมตร โดยสาเหตุที่ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีก็เนื่องด้วยจุดเด่นในด้านต่างๆ เช่น
- มีคุณภาพสูง เป็นสายไฟ H1Z2Z2-K ซึ่งใช้วัสดุฉนวนและปลอกหุ้มเป็น XLPO และ XLPE ทำให้สามารถทนความร้อนและแสงยูวีได้อย่างดีเยี่ยม สามารถใช้ได้กับทั้งงานติดตั้งในร่มและกลางแจ้ง
- มีความทนทานสูง สามารถทนต่อแสงยูวีรวมถึงอุณหภูมิและสภาพอากาศที่รุนแรง ผ่านการทดสอบการต้านการลุกลามของไฟ การทนต่อโอโซน การทนต่อสารเคมีที่มีฤทธิ์เป็นกรดหรือด่าง ทั้งยังมีคุณสมบัติไม่ปล่อยก๊าซฮาโลเจนเมื่อถูกเพลิงไหม้ (Halogen-Free)
- มีความทนต่อน้ำและความชื้น ผ่านการทดสอบ Water Resistance ตามมาตรฐาน 2PfG 2750/09.20 ทำให้สามารถใช้ได้ครอบคลุมโครงการหลากหลายรูปแบบ ทั้ง Solar Farm และ Solar Roof
- มีมาตรฐานรองรับ ผ่านการทดสอบและรับรองตามมาตรฐาน EN 50618:2014 และ IEC 62930:2017 ซึ่งเป็นมาตรฐานระดับสากลสำหรับสายไฟโซลาร์เซลล์ที่ได้รับการยอมรับอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน ทั้งยังมีรายงานผลการทดสอบในทุก Lot การผลิต จึงช่วยให้สามารถมั่นใจในคุณภาพได้อย่างเต็มที่
จุดเด่นเหล่านี้เมื่อผนวกกับทีมงานผู้เชี่ยวชาญ จึงเกิดเป็นโซลูชั่นด้านสายไฟโซลาร์เซลล์ที่มีคุณภาพสูง ครบถ้วนทั้งในส่วนของสินค้าและบริการ พร้อมที่จะส่งมอบให้กับทุกโครงการสำคัญของคุณ