นาซาเผยข่าวดี! “ชั้นโอโซน” โลกเริ่มฟื้นตัว ผลลัพธ์แห่งความสำเร็จจากความร่วมมือของมนุษยชาติ

by Suwimon

ถือเป็นสัญญาณบวกด้านสิ่งแวดล้อมที่น่าจับตามอง เมื่อล่าสุดองค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติ หรือ นาซา (NASA) ร่วมกับ องค์การบริหารมหาสมุทรและชั้นบรรยากาศแห่งชาติสหรัฐฯ หรือ โนอา (NOAA) ได้ออกมาเปิดเผยข้อมูลสำคัญที่ชี้ว่า “ชั้นโอโซน” ของโลกกำลังอยู่ในทิศทางของการฟื้นตัวที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ก่อนจะไปดูสถานการณ์การฟื้นตัว เราต้องทำความเข้าใจก่อนว่า โอโซน (Ozone) คือก๊าซที่ประกอบไปด้วยออกซิเจน 3 อะตอม มีลักษณะเป็นก๊าซสีฟ้าจางๆ และมีกลิ่นฉุน
• โทษของโอโซน: หากเราสูดดมก๊าซนี้เข้าไปในปริมาณมาก จะเป็นอันตรายต่อระบบทางเดินหายใจ โดยทั่วไปมนุษย์นำโอโซนมาใช้ประโยชน์ในการทำความสะอาด ฆ่าเชื้อโรคในอากาศ หรือกำจัดกลิ่นตามอาคารและรถยนต์
• คุณประโยชน์ที่ขาดไม่ได้: โอโซนที่อยู่ในชั้นบรรยากาศระดับ “สตราโตสเฟียร์” (Stratosphere) ทำหน้าที่เสมือนเกราะป้องกันโลก โดยช่วยกรองรังสีอัลตราไวโอเลต (UV) ที่เป็นอันตรายต่อสิ่งมีชีวิต หากมนุษย์ได้รับรังสีนี้มากเกินไป จะเป็นสาเหตุสำคัญของการเกิดโรคมะเร็งผิวหนัง

ย้อนรอยวิกฤตการณ์ "รูโหว่โอโซน"

นับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2514 เป็นต้นมา ชั้นโอโซนถูกทำลายลงอย่างหนักจากการกระทำของมนุษย์ โดยมีสาเหตุหลักมาจาก:
1. การใช้สาร CFC (Chlorofluorocarbon): ซึ่งพบมากในเครื่องปรับอากาศ ตู้เย็น และอุตสาหกรรมทำความเย็น
2. ก๊าซไนตรัสออกไซด์ (Nitrous Oxide): ที่เกิดจากการเผาไหม้เชื้อเพลิงของรถยนต์ เครื่องบิน และกระบวนการผลิตไฟฟ้า
พื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากการลดลงของชั้นโอโซนมากที่สุดคือบริเวณ ขั้วโลกใต้ รวมถึงประเทศออสเตรเลียและนิวซีแลนด์

พิธีสารมอนทรีออล

เมื่อนานาประเทศตระหนักถึงวิกฤตนี้ ในปี พ.ศ. 2530 จึงเกิดความร่วมมือระดับโลกในการลงนาม “พิธีสารมอนทรีออล” (Montreal Protocol) เพื่อลดและเลิกการใช้สารเคมีที่ทำลายชั้นโอโซน ผลจากการร่วมมือกันอย่างจริงจังทำให้ปริมาณโอโซนค่อยๆ กลับมาเพิ่มขึ้น โดยสถิติในอดีตพบว่า “รูโหว่โอโซน” ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดเกิดขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2543 ซึ่งมีขนาดใหญ่กว่าสถิติปัจจุบันถึง 50%

สถานการณ์ปัจจุบันและแนวโน้มในอนาคต

ข้อมูลล่าสุดจาก NASA ยืนยันว่า ความพยายามของประชาคมโลกในการเลิกใช้สารทำลายชั้นบรรยากาศกำลังเห็นผลอย่างชัดเจน โดยพบว่า รูโหว่โอโซนในปีล่าสุด มีขนาดเล็กที่สุดเป็นอันดับที่ 5 นับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2535 (ปีที่พิธีสารมอนทรีออลเริ่มมีผลบังคับใช้จริง)
อย่างไรก็ตาม แม้จะมีสัญญาณที่ดี แต่ NASA และ NOAA ย้ำว่ากระบวนการฟื้นฟูยังไม่สิ้นสุด ธรรมชาติยังต้องใช้เวลาอีกหลายสิบปีกว่าที่ชั้นโอโซนจะกลับเข้าสู่ระดับปกติเหมือนยุคก่อนที่มนุษย์จะเริ่มใช้สารทำลายโอโซน
มีการคาดการณ์ว่า หากประชากรทั่วโลกร่วมมือกันลดการใช้สาร CFC และก๊าซไนตรัสออกไซด์อย่างต่อเนื่อง ภายใน 40 ปีข้างหน้า มีโอกาสสูงที่ชั้นโอโซนจะกลับมาฟื้นตัวได้อย่างสมบูรณ์

สรุป

การฟื้นตัวของชั้นโอโซนในครั้งนี้ เป็นเครื่องพิสูจน์ที่สำคัญว่า ความร่วมมือของมนุษยชาติในการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมนั้นสามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงได้จริง หากเราทุกคนช่วยกันลดปัจจัยทำลายธรรมชาติ โลกของเราก็จะค่อยๆ เยียวยาตัวเองกลับมาสมบูรณ์ได้อีกครั้ง

แหล่งที่มาของข้อมูล:
•  รายการ: TNN EARTH
•  ช่อง YouTube: TNN (TNN ช่อง 16)
•  วันที่เผยแพร่: 22 ธ.ค. 2025
•  ลิงก์ต้นฉบับ: https://youtu.be/cM2npXMSUhA

You may also like